2367 ขึ้น 7 คํ่า เดือน 9 ปีวอกฉศก
เนื่องจากกรมสรรพากรมีคำสั่งใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีของผู้สอบบัญชีภาษีอากร ซึ่งรายละเอียดจะเป็นไปตามคำสั่งกรมสรรพากรท. ป. ๑๙๔/๒๕๕๕ เนื้อหาโดยสรุปก็คือให้ยกเลิกหน้ารายงานแบบเก่าแล้วเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ ตามรายละเอียดที่ผมเคยเขียนไว้ครับ ซึ่งหลังจากออกคำสั่งดังกล่าว ก็มีข้อสงสัยกันค่อนข้างมากว่า รายงานแต่ละประเภทนั้น ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีจะเลือกใช้กับห้างหุ้นส่วนประเภทใดบ้าง และมีแนวทางการใช้อย่างไร ดังนั้นทางสำนักมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากรของกรมสรรพากรจึงได้ออกคำอธิบายเกี่ยวการใช้แบบรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี (แบบ ร. 1 – ร. 5) สามารถอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่นี่ครับ คำอธิบายเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี สำหรับรายงานแต่ละประเภทนั้น สามารถดูตัวอย่างการเขียนได้จากหน้านี้ครับ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นและเป็นการประหยัดเวลา ผมขออนุญาตสรุปใจความสำคัญออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ 1. แบบ ร. 1 ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี: ตรวจสอบและรับรองบัญชีเป็นปีแรก ขนาดของห้างฯ: ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก (จดทะเบียนเป็นปีแรก) 2. 2 ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี: เป็นรายเดิมที่ได้รับตรวจสอบและรับรองบัญชีตั้งแต่รอบบัญชีก่อน ขนาดของห้างฯ: ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก 3.
3 ผูู้สอบบัญชี: ถูกตรวจสอบและโดยผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีรายอื่นในปีก่อน และเปลี่ยนเป็นรายปัจจุบันในรอบบัญชีนี้ ขนาดของห้างฯ: ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก 4. 4 ผูู้สอบบัญชี: เป็นรายเดิมที่ได้รับตรวจสอบและรับรองบัญชีตั้งแต่รอบบัญชีก่อน ขนาดของห้างฯ: รอบบัญชีก่อนเป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดใหญ่ แต่รอบบัญชีปัจจุบันเปลี่ยนเป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก 5. 5 ผูู้สอบบัญชี: ถูกตรวจสอบและโดยผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีรายอื่นในปีก่อน และเปลี่ยนเป็นรายปัจจุบันในรอบบัญชีนี้ ขนาดของห้างฯ: รอบบัญชีก่อนเป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดใหญ่ แต่รอบบัญชีปัจจุบันเปลี่ยนเป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก หมายเหตุ: ห้างหุ้นส่วนขนาดเล็ก หมายถึง ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2545 และรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมีทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท สินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท อ้างอิงความหมายจาก คำถาม-คำตอบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี (ข้อ 2)