รับประทานยาระบาย Swiff 60 ml. + น้ำ 250 ml. แล้วดื่มน้ำตาม 2 ลิตร ให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง เวลา 19. ทานยาระบาย Swiff 30 ml. ดื่มน้ำตาม 1 ลิตร ภายใน 1 ชั่วโมง แล้วให้ดื่มน้ำหรือนอนพักได้ มื้อเย็นให้รับประทานน้ำเต้าหู้หรือนมได้ 1 กล่อง ซึ่งเป็นวันส่องกล้องตรวจ เวลา 06. ทานยาระบาย Swiff 60 ml. ดื่มน้ำตาม 2 ลิตร ภายใน 2 ชั่วโมง ให้งดน้ำ งดอาหาร หลัง 08.
ณวรา ดุสิตานนท์ ศัลยแพทย์ชำนาญการด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนัก รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
Your browser does not support the video tag. คือการใช้กล้องส่องลำไส้ใหญ่ที่มีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็กยาว และโค้งงอได้ โดยแพทย์จะส่องกล้องเข้าไปทางทวารหนัก เพื่อตรวจดูลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ส่วนกลาง ส่วนต้น และลำไส้เล็กส่วนปลาย ซึ่งภาพจะปรากฏบนจอทีวี และสามารถเก็บรายละเอียดภายในลำไส้ใหญ่ได้ทั้งหมด จึงให้ความถูกต้องแม่นยำในการตรวจรักษา แพทย์สามารถดำเนินการตรวจรักษาได้หลายอย่างผ่านทางกล้องนี้ เช่น การตัดติ่งเนื้องอกผ่านทางกล้อง การสะกิดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจวิเคราะห์ หรือการหยุดเลือดที่ออกจากลำไส้ใหญ่ผ่านกล้อง ใครบ้าง ควรทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่? 1. ผู้ที่มีอาการผิดปกติดังนี้ มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระ เช่น ท้องผูก หรือท้องเสียเป็นประจำ หรือท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน อาจเป็นสีแดงสดหรือสีคล้ำ มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระมีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนักและมีเลือดออก มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้องร่วมด้วย มีก้อนในท้อง น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลีย 2. ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ 3. ผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้ การเตรียมตัวส่องกล้องลำไส้ใหญ่ทำอย่างไร?
การตรวจทางทวารหนัก (Rectal examination) โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ 23 ตุลาคม 2555 Tweet สารบัญ บทนำ การตรวจทางทวารหนักมีประโยชน์อย่างไร? ข้อบ่งชี้การตรวจทางทวารหนักมีอะไรบ้าง? ข้อห้ามการตรวจทางทวารหนักมีอะไรบ้าง? เตรียมตัวอย่างไรในการตรวจทางทวารหนัก? มีขั้นตอนการตรวจทางทวารหนักอย่างไร? ได้ผลตรวจเมื่อไร? แปลผลตรวจทางทวารหนักอย่างไร? การตรวจทางทวารหนักมีผลข้างเคียงไหม? หลังตรวจต้องปฏิบัติตนอย่างไร?
เลือด หนอง อุจจาระ พยาธิ หรือสิ่งที่ขับถ่ายอื่น ที่เปรอะเปื้อนอยู่ในบริเวณทวารหนัก ถ้าเห็น เลือด จะทำให้นึกถึงริดสีดวงทวารที่มีเลือดออก เนื้องอกในทวารหนักที่มีเลือดออกมาก หรือโรคที่ทำให้อุจจาระเป็นมูกปนเลือด เช่น โรคบิด โรคลำไส้ใหญ่อักเสบรุนแรงเป็นต้น ถ้าเห็น หนอง จะทำให้นึกถึงการอักเสบเป็นหนอง เช่น ฝีคัณฑสูตร ริดสีดวงทวารที่ติดเชื้อ เป็นต้น ถ้าเห็น อุจจาระ เปรอะเปื้อนอยู่ จะทำให้นึกถึงภาวะท้องเสีย ท้องร่วง หรือหูรูดทวารหนักอ่อนแรง ทำให้กลั้นอุจจาระไว้ไม่ได้ ถ้าเห็น พยาธิ จะเป็นพยาธิเส้นด้าย (พยาธิเข็มหมุด) หรือพยาธิอื่นก็ แสดงว่าคงมีพยาธิอยู่ในลำไส้ 2. รอยเกา รอยถลอก จะแสดงว่าผู้ป่วยมีอาการคันในบริเวณก้น ส่วนใหญ่เกิดจากพยาธิเส้นด้าย หรือการอักเสบจากเชื่อราหรือการหมักหมม (สกปรก) 3. รอยแตก รูเล็กๆ รอยแผล หรือเป็นแผลเป็น ที่รูทวารหนัก หรือบริเวณใกล้เคียง ทำให้นึกถึงรอยแตกของปากทวารหนัก รูเปิดหรือรอยแผลของฝีคัณฑสูตร เป็นต้น 4.
และมีสาเหตุเกิดจากอะไรครับ?
และอาการหรือสัญญาณเตือนอะไรบ้างที่ควรต้องรีบมาพบคุณหมอแล้วครับ? มีทั้งอาการที่คล้ายและไม่คล้ายโรคริดสีดวง เช่นคนทั่วๆ ไปเวลาถ่ายเป็นเลือด ถ่ายยาก ถ่ายลำบาก เจ็บก้นมักจะคิดว่าเป็นริดสีดวง หรือท้องเสียบ่อยๆ ถ่ายไม่ออกก็มักจะคิดว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เราต้องกังวลมากที่สุดคือ มีเนื้องอกหรือเนื้อร้ายซ่อนอยู่หรือไม่ ซึ่งมีวิธีสังเกตได้ง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องการขับถ่ายประมาณ 4 ข้อ ที่บ่งบอกว่าไม่ใช่ริดสีดวงธรรมดา และควรต้องมาพบแพทย์ คือ 1. ความผิดปกติของจำนวนครั้งในการขับถ่าย เช่นจากเดิมเคยถ่ายวันละ 1 ครั้ง เปลี่ยนแปลงเป็นถ่ายวันละ 4-6 ครั้งเป็นต้น 2. มีความเปลี่ยนแ ปลงในลักษณะของอุจจาระ เช่น พบว ่า มีมูกหรือเลือดปนในอุจจาระ หรือพบว่าลักษณะอุจจาระเปลี่ยนแปลงไปเช่นจากเดิมเคยถ่ายอุจจาระเป็นก้อนกลับเปลี่ยนเป็นอุจจาระเหลว หรือเป็นลักษณะอุจจาระที่ก้อนลำเล็กลง 3. ลักษณะของการถ่ายอุจจาระที่เปลี่ยนไปเช่นต้องเบ่งมากขึ้น ถ่ายไม่สุด ไม่หมด เหลือค้างอยู่ ต้องเข้าห้องน้ำซ้ำ 4. การกลั้นอุจจาระที่ผิดปกติไปจากเดิม เราสามารถที่จะสังเกตพฤติกรรมการขับถ่ายอุจจาระได้เอง และหากมีอาการผิดปกติเหล้านี้ก็ควรมาปรึกษาแพทย์ โดยเฉลี่ยแล้วเราจะพบโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้มากที่สุดที่ช่วงอายุเท่าไหร่?
โปรแกรมตรวจสุขภาพทวารหนัก โปรแกรมตรวจสุขภาพทวารหนัก ประกอบด้วยการตรวจ 3 อย่างหลักๆ คือ 1. การตรวจทวารหนักด้วยนิ้วมือ (Digital rectal examination หรือ DRE) 2. การตรวจ Anal pap smear คล้ายคลึงกับการตรวจ pap smear ในมะเร็งปากมดลูก และเป็นวิธีการเก็บเซลล์ที่อยู่บริเวณทวารหนัก เพื่อนำมาตรวจหาเซลล์ที่มีความผิดปกติ และอาจเป็นมะเร็ง 3. การตรวจ Anoscopy เป็นการตรวจที่สามารถวินิจฉัยโรคทางทวารหนักได้หลายชนิด ดังต่อไปนี้ มะเร็ง แผลปริที่ขอบทวารหนัก (Anal fissures) ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) ติ่งเนื้อทวารหนัก (Rectal polyps) ฝีคัณฑสูตร (Anal abscess / fistula) ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจ คือ 1. ผู้ที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงสูง ในการเกิดมะเร็งทวารหนัก ดังต่อไปนี้ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือ เอชพีวี (HPV) ผู้ที่มีประวัติเป็นหูด (anal warts) ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ 2. บุคคลทั่วไปที่มี หรือ ไม่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก และสนใจที่จะทราบว่าตนเองมีโรคทางทวารหนักหรือไม่ ระยะเวลาในการตรวจ 15 นาที ระยะเวลาในการแปลผล Anal pap smear 3 วันหลัง เข้ารับการตรวจ ค่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจ และแปลผล ค่าตรวจวินิจฉัยทางเทคนิคการแพทย์และ เซลล์วิทยา ค่าเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจ ค่าบริการโรงพยาบาลและ ค่าบริการทางพยาบาล ค่าแพทย์ และ ค่าใช้จ่ายๆ อื่นที่นอกเหนือจากแพ็กเกจ ค่ายา และค่าเวชภัณฑ์สำหรับนำกลับบ้าน ศูนย์ศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ชั้น3 อาคารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ฝั่งทิศเหนือ โทร 02 011 2351 -2 (8:00 - 18:00น. )