สารที่ทำให้เกิดไข้ อาจมาจากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย หรือเกิดขึ้นภายในร่างกายเอง โดยจะเกิดปฏิกิริยาภายในและเกิดสารที่ออก ฤทธิ์บริเวณสมองส่วนที่ควบคุมอุณหภูมิ และส่งสัญญาณมาทางระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว ส่ง ผลต่อเนื่องให้การระบายความร้อนในร่างกายออกทางผิวหนังลดลง 7. เวลามีไข้ มือ เท้าจะเย็น แต่ศีรษะจะร้อน บาครั้งมือเท้าซีดและเขียว เนื่องจากผิวหนังขาดออกซิเจน ถ้าอุณหภูมิที่ผิวหนังต่ำมาก ก็ จะเกิดการสั่นของกล้ามเนื้อ ดังที่เห็นว่าเวลามีไข้แล้วหนาวสั่น การสั่นของกล้ามเนื้อทำให้มีการสร้างความร้อนมากขึ้น ถ้าความ ร้อนในร่างกายถูกสร้างขึ้นมาก อุณหภูมิในร่างกายก็จะสูงขึ้นมาก อาจจะทำให้ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิเสียการทำงานไปและไม่ตอบ สนองต่อยาลดไข้ การวัดไข้ 1. โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า เทอร์โมมิเตอร์ จะช่วยจำแนกความหนักเบาของไข้ได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่มีอุปกรณ์ให้ใช้หลังมือสัมผัสหน้าผาก ลำตัว หรือบริเวณอื่นก็พอรู้สึกได้คร่าวๆ 2. การวัดอุณหภูมิทางทวารหนักเป็นการวัดอุณหภูมิของแกนร่างกายที่แม่นยำมากที่สุด อุณหภูมิที่ได้จากการวัดทางทวารหนักสูงกว่าตำแหน่งอื่นๆ เนื่องจากมีการสร้างความร้อนขึ้นโดยแบคทีเรียในอุจจาระ 3.
พ่อแม่มือใหม่ มักจะมีความวิตกกังวลเรื่องการเลี้ยงดูทารกแรกเกิด เพราะเจ้าตัวเล็กนั้นยังบอบบาง อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะอาการต่าง ๆ ของทารกในช่วง 28 วัน หรือหลังคลอดราว ๆ 1 เดือน ที่จะทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ต้องวิตกกังวลอย่างมาก ว่าวิธีการดูแลลูกน้อยของเรานั้น ถูกต้องแล้ว หรือไม่ ทั้งการอาบน้ำทารกแรกเกิด การให้นมแม่ การพาลูกเข้านอน รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นกับทารกด้วย และสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่จะบอกได้ว่า ลูกมีสุขภาพที่ดี หรือไม่ นั่นคือ อุณหภูมิร่างกายทารกแรกเกิด อุณหภูมิร่างกายเด็ก อุณหภูมิร่างกายทารกแรกเกิด กี่องศา? ทารกมีไข้กี่องศา อุณหภูมิไข้ อุณหภูมิปกติของร่างกาย อุณหภูมิทารก พญ. วิมล เสกธีระ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด – ปริกำเนิด โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า เด็กแรกเกิด หรือทารกแรกเกิด จะมีอุณหภูมิปกติอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส หากลูกแรกเกิดมีร่างกายปกติ อุณหภูมิร่างกายของลูกควรอยู่ในช่วง 36. 5 – 37. 5 (หรือ ±0. 5 องศา) เมื่อลูกแรกเกิดมีอุณหภูมิร่างกายมากกว่า 37.
pasangadmin / ตุลาคม 4, 2016 / ข่าวประชาสัมพันธ์ ไข้เป็นสิ่งบ่งบอกว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย ซึ่งอาจไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องรุนแรงเสมอไป อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.
กระทู้คำถาม สุขภาพกาย / มีค่าผ่อนผัน + -. 5ไหม / แก้ไขข้อความเมื่อ 0 สมาชิกหมายเลข 2133653 ▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼ แสดงความคิดเห็น คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ เข้าสู่ระบบ กระทู้ที่คุณอาจสนใจ เป็นไข้ อุณหภูมิร่างกาย 37. 2 องศา อันตรายเปล่าคับ ไม่เคยเป็นไข้เลย หลายปีแล้ว เพิ่งมาเป็น เพราะนอนดึก พักผ่อนน้อย ตากฝน มีอาการหายใจร้อนๆ ช่วยแนะนำยายรรเทาเบื้องต้นให้ผมหน่อยคับ ขอบคุณคับ Best_BUCA ไข้หวัด เอาปรอทวัดไข้ไห้ลูกชายวัดได้37. 4 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้หรือเปล่าค่ะ เห็นลูกชายดูซึมๆ เ ลยเอาปรอทมาวัดไข้ วัดได้ 37. 4 องศาเซลเซียส วัดทางปากนะค่ะ ถือว่ามีไข้หรือเป ล่าค่ะ สมาชิกหมายเลข 2410523 แพทย์ ทารกมีไข้ ตอนนี้ได้ 27วัน เมื่อวานวัดไข้ได้ 37. 3 เลยเช็ดตัวให้แล้วเอาเจลลดไข้เด็กโป๊ะที่หน้าผาก เมื่อกี้วัดไข้ใหม่ได้ 37 แบบนี้อันตรายอะไรไหมคะ ลูกตัวร้อนๆ มีอาการซึมๆ แต่กินนมได้ดีอยู่ แม่มือใหม่คะ สมาชิกหมายเลข 1111768 สังคมคุณแม่ ลูกตัวร้อนแต่วัดอุณภูมิได้ 36. 6 องศา ลูก 3 เดือน 22 วัน มีอาการตัวร้อนตั้งแต่เมื่อวานค่ะ ตอนประมาณ 5 ทุ่ม วัดอุณภูมิที่รักแร้ได้ 37. 1 องศา เราก็ให้เค้าจิบน้ำบ่อยๆ แล้ววัดอีกทีได้ 36.
ไข้ต่ำๆ ตลอด ไม่ลดลงระดับปกติ 6. ไข้อาจจำแนกตามระดับอุณหภูมิได้เป็น 3 ระดับ คือ ไข้ต่ำ อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 37. 0 ํc – 38. 9 ํc ไข้ปานกลาง อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 38. 9 ํc – 39. 5 ํc และไข้สูง อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 39. 5 ํc – 40. 0 ํc สาเหตุของไข้ 1. การติดเชื้อที่มีการอักเสบเฉพาะที่ เช่น คออักเสบ ลำไส้อักเสบ ข้ออักเสบ การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และโปรโตซัว เช่น ไข้หวัด ไข้มาลาเรีย ไข้จากแผล ฝีหนอง 2. การติดเชื้อซึ่งไม่มีอาการเฉพาะที่ เช่น ไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ ไข้ไทฟอยด์ เป็นต้น โรคติดเชื้อบางชนิด อาจไม่มีไข้ เช่น โรคเรื้อน กลากเกลื้อน พุพองตามผิวหนัง เป็นต้น โรคติดเชื้อจาก แบคทีเรีย รา ไวรัส ยีสต์ โปรโตซัว เป็นต้น 3. การกระตุ้นจากเหตุผิดปกติบางอย่างในร่างกายที่ไม่ใช่การติดเชื้อ เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งจะมีไข้ร่วมกับอาการอื่น เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต เกิดจากการอักเสบ เนื้องอกหรือมะเร็ง 4. ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิได้รับการกระทบกระเทือนจากความผิดปกติในสมองโดยตรง เช่น เนื้องอกในสมอง เส้นเลือดในสมองแตก การผ่าตัด เป็นต้น 5. การแพ้ยาหรือเซรุ่ม ปฏิกิริยาภายหลังการได้รับเลือด 6. สาเหตุอื่นๆ เช่น การออกกำลังกายกลางแดด ยาบางชนิด เนื้อเยื่อถูกทำลาย ความผิดปกติของ การเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ภาวะขาดน้ำ การรักษา 1.
ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!