ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี แบบนี้ควรผ่าตัดรักษาดีไหม? 2. มารู้จักนิ่วในถุงน้ำดี อาการเป็นอย่างไร ทำไมเราถึงเป็น 3. นิ่วในถุงน้ำดี อันตรายกว่าที่คุณคิด 4. รู้จักอาการ "นิ่วในถุงน้ำดี" 5. ถ้าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ต้องทำตัวอย่างไร?
ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วน้ำดีที่ยังไม่มีอาการแสดงอะไรแต่บังเอิญตรวจพบขณะที่ตรวจรักษาโรจอื่น ไม่จำเป็นต้องรีบทำการผ่าตัด เนื่องเพราะมักเป็นนิ่วก้อนเล็ก และอยู่ลึกที่ก้นถุงน้ำดีซึ่งไม่ก่ออันตรายแก่ผู้ป่วย แพทย์จะนัดติดตามดูเป็นระยะจนกว่าจะมีอาการชัดเจน (เช่นปวดท้อง) จึงค่อยทำการผ่าตัด ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดอาการปวดท้องจากนิ่วน้ำดีที่ซ่อนอยู่ประมาณร้อยละ1–2 ต่อปี 2. ในปัจจุบันมีการคันพบยาที่ใช้ละลายนิ่วน้ำดีมีชื่อว่า กรดชีโนดีออกซีโคลิก (chenodeoxycholic acid) ซึ่งได้ผลดีกับผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่เป็นนิ่วที่โปร่งรังสี (radiolucent stone) ซึ่งตรวจพบโดยการถ่ายเอกซเรย์ด้วยวิธีการกินสารทึบรังสี (oral cholecystography) และมีลักษณะก้อนนิ่วเล็กๆ หลายก้อน โดยอาจต้องกินยานานเป็นปีๆ ขณะนี้ราคายายังค่อนข้างแพง ดังนั้นจึงควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางโรคนี้เป็นผู้พิจารณาสั่งใช้เท่านั้น บางรายแพทย์อาจรักษาโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสลายนิ่วก่อนแล้วให้ยาละลายนิ่วตาม 3. หลังผ่าตัดถุงน้ำดี ผู้ป่วยอาจมีอาการถ่ายเหลวบ่อย ซึ่งจะค่อยๆ ทุเลาไปได้เอง ระหว่างที่มีอาการถ่ายเหลวบ่อย แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินอาหารมันและของเผ็ดกินผักและผลไม้ให้มาก ๆ การรักษา 1.
หากมีนิ่วอยู่ในถุงน้ำดี จะมีอาการอย่างไร?
แล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น เวลาที่ปวด: มักปวดสัมพันธ์กับมื้ออาหารประมาณ 50% อาจปวดมากสุดในช่วง ชม. แรก หลังกินอาหาร โดยเฉพาะในมื้อที่มีอาหารไขมันสูง ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน ไข้หนาวสั่น, ตัวตาเหลือง, ปัสสาวะสีผิดปกติ อาจพบได้ในรายที่เกิดภาวะแทรกซ้อนแล้ว 3. นิ่วในถุงน้ำดี ถ้าไม่รักษา อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน อันตรายถึงชีวิต! 3. 1 ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute Cholecystitis) เกิดจากการที่นิ่วในถุงน้ำดี ไหลเข้าไปอุดท่อของถุงน้ำดี (Cystic duct) จนทำให้เกิดการอุดตัน ถุงน้ำดีจึงอักเสบ บวม และเกิดการติดเชื้อ ซึ่งนอกจากอาการปวดท้องแล้ว ยังทำให้เกิดไข้สูง และคลื่นไส้อาเจียนได้ หากไม่รักษาอาจเกิดหนองในถุงน้ำดี, ผนังถุงน้ำดีทะลุ และติดเชื้อในกระแสเลือด 3. 2 นิ่วอุดตันท่อน้ำดี (Choledocholithiasis, CBD Stone) เป็นการอุดตันของนิ่ว ที่ไหลผ่านไปจนถึงท่อน้ำดีรวม (Common Bile Duct, CBD) ทำให้มีน้ำดีค้างอยู่ในถุงน้ำดี แต่บางครั้งนิ่วอาจหลุดออกเองได้ ทำให้ตัวเหลือง ตาเหลืองชั่วคราว และอาจพบอุจจาระสีซีดในบางราย 3. 3 ท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute Cholangitis) นิ่วในถุงน้ำดี ถ้าไม่รักษาจะทำให้เกิดท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จนอาจทำให้ท่อน้ำดีเป็นหนอง และมีการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง จากการที่นิ่วอุดตันท่อน้ำดีได้ 3.
เพศหญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป 2. ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 3. ความอ้วน น้ำหนักมาก ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากการบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง 4. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงมากๆ โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย 5. ผู้ที่กินยาคุมกำเนิด ทานฮอร์โมนจากภาวะหมดประจำเดือน หรือตั้งครรภ์หลายครั้ง จะได้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง 6. ผู้ที่อดอาหาร (ถือศีลอด) หรือลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว 7. การได้ยาลดไขมันบางชนิดทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง 8. พันธุกรรม มีประวัติคนในครอบครัว การรักษานิ่วในถุงน้ำดี การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการจากนิ่วในถุงน้ำดี ทำได้ด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีและนิ่วออก โดยมีวิธีการรักษาอยู่ 2 วิธี 1. การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (Open Surgery) การผ่าตัดผ่านบริเวณช่องท้องด้านชายโครงด้านขวา แล้วตัดเอาถุงน้ำดีพร้อมกับนิ่วออกมา เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบอย่างรุนแรง ถุงน้ำดีมีการแตกทะลุ หรือเริ่มมีอาการดีซ่าน 2.
นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones, Cholelithiasis) เป็นโรคที่หลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นอาการปวดจุกท้อง จากแผลในกระเพาะอาหาร หรือจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา เพราะลักษณะการปวด และตำแหน่งที่ปวดใกล้เคียงกันมาก หลายครั้งจึงซื้อยากินเอง โดยไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ ทำให้ก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่ และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้าย อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ 1. นิ่วในถุงน้ำดี มีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง? เพศ: เพศหญิง มีความเสี่ยงมากกว่าเพศชาย 3 เท่า อายุ: มากกว่า 40 ปี น้ำหนัก: – – ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 30 กก. /ม. 2 – เคยลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว อาหาร: ชอบกินอาหารที่มีไขมันสูง ประวัติการตั้งครรภ์: ตั้งครรภ์หลายครั้ง ประวัติโรคประจำตัว: เช่น – โรคไขมันในเลือดสูง – โรคเบาหวาน – โรคเลือดบางชนิด เช่น โรคธาลัสซีเมีย, โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle Cell Disease) ประวัติการผ่าตัด: เช่น – คนที่ผ่าตัดเอาลำไส้เล็กส่วนปลายออก (Terminal ileal resection) – เคยผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออก ประวัติการใช้ยา: เช่น – ยาคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจน – ยา Somatostatin analogues ประวัติครอบครัว: มีบิดามารดา, พี่น้อง หรือลูก (First-degree relatives) เป็นนิ่วที่ถุงน้ำดี จะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นเป็น 2 เท่า 2.
การผ่าตัดเมื่ออาการอักเสบลดลง แพทย์มักจะทำผ่าตัดถุงนํ้าดี (Cholocy stectomy) ศัลยแพทย์บางคนอาจจะทำผ่าตัดเมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการภายใน 48 ชั่วโมง
นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) อาจเป็นสีเหลือง ขาว เขียวเกิดจากการตกตะกอนไขมัน เนื่องจากมีคอเลสเตอรอลมากเกินไปในถุงน้ำดี ไม่สามารถขับออกมาจากถุงน้ำดีได้หมด จึงตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่ว มักพบในผู้ป่วยในประเทศแถบตะวันตก หรือผู้ที่กินอาหารไขมันสูงเป็นประจำ 2. นิ่วจากเม็ดสี หรือบิลิรูบิน (Pigment Stones) อาจเป็นสีคล้ำดำ มีขนาดเล็กกว่าชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล เกิดจากความผิดปกติของเลือด มักพบในผู้ป่วยโรคตับหรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเลือด เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย และตับแข็ง 3.