ศ. 2562 และข้อ 7 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ. 2562 โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร จึงประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ดังต่อไปนี้ 1. วันเลือกตั้ง วันที่ 22 พฤษภาคม พ. 2565 2. ระยะเวลาสมัครรับเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม - วันที่ 4 เมษายน พ. 2565 เวลา 08. 30-16. 30 น. 3.
80 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิด คงเดิม มีผล 19 เม. 65 เวลา 05. 00 น. เป็นต้นไป
คนไหนยังสามารถกุมหัวใจของคนวัยนี้ได้ ก็อาจจะมีหวังต่อผลคะแนนได้มากกว่าคนอื่น และยิ่งหากเป็นผู้สมัคร ส. ในนามของพรรคด้วยแล้ว คะแนนที่ได้ครั้งนี้ย่อมมีผลต่อคะแนนของพรรคในอนาคตแน่นอน โดยเฉพาะในสนามการเมืองระดับชาติที่คาดว่าเร็วที่สุดน่าจะปลายปีนี้ และอาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทำให้เมื่อดูข้อมูลผู้สมัคร ส. ของหลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะ 4 พรรคใหญ่ที่ส่งผู้สมัคร ส. ลงแข่งครบทั้ง 50 เขต ก็พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ เลือกที่จะส่งคนที่เป็นอดีต ส. หรือ ส. ข. หลายสมัยลงแข่งอีกครั้ง เพราะด้านหนึ่งก็การรันตีว่าเป็นคนที่ชาวบ้านโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยในพื้นที่ มีความคุ้นเคยมากกว่าผู้สมัครหน้าใหม่ เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 เกิดปรากฏการณ์ที่แทบจะเรียกได้ว่าสูญพันธ์ใน กทม. หลังไม่มีผู้สมัคร ส. ส. ของพรรคได้รับเลือกตั้งเลย แต่ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัคร ส. ที่เป็นอดีต ส. มากที่สุดถึง 24 คน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้แข่งขันทั้งหมด ในด้านหนึ่งอาจมองได้ว่า การเลือกตั้งสนามท้องถิ่น กทม. ครั้งนี้ เป็นเดิมพันครั้งใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการจะลบคำสบประมาทที่ว่า ประชาธิปัตย์สูญพันธุ์แล้วใน กทม.
ขณะที่ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคก็ยืนยันว่ามีการเตรียมการสนามนี้มายาวนาน และเชื่อว่าแฟนคลับพรรคสีฟ้าจะหันกลับมาสนับสนุนอีกครั้ง ต่อมาที่พรรคไทยสร้างไทย ก็ส่งอดีต ส. ก และ ส. ลงสนาม 12 คน ซึ่งแม้จะน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ทำให้เห็นความมุ่งมั่นของพรรคน้องใหม่ในสนามการเมือง หรืออาจเรียกว่าเป็นความฝันของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค ที่ต้องการปักธงยึดสนาม กทม. เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งระดับชาติเช่นกัน ขณะที่อีก 2 พรรคใหญ่ คือ พลังประชารัฐ และเพื่อไทย ที่แม้ไม่ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่ส่งผู้สมัคร ส. จัดเต็มทั้ง 50 เขต ที่น่าสนใจคือ แม้ทั้งสองพรรคจะชู "พลังคนรุ่นใหม่" เป็นตัวหลัก แต่ก็ไม่ทิ้งคนเก่าแก่ โดยพรรคพลังประชารัฐได้อดีต ส. และ ส. เข้ามาเสริมทีมสู้ศึก 17 คน ขณะที่พรรคเพื่อไทย มี 13 คน ทั้งสองพรรคใหญ่นี้ก็มีเดิมพันสูงเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคไทยสร้างไทย เพราะถ้ายึดกุมเสียง ส. ได้ ก็พอจะเป็นหลักประกันได้ว่า จะมีฐานที่มั่นในสนามเลือกตั้งใหญ่เช่นเดียวกัน ส่วนพรรคก้าวไกล ที่ส่งผู้สมัคร ส. ลงเต็มทั้ง 50 เขต แต่มีเพียง 2 คนที่เป็นอดีต ส. ในขณะที่ผู้สมัคร ส. ส่วนใหญ่ของพรรคเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ 12 ปีที่การเมืองท้องถิ่นใน กทม.
ถูกเว้นวรรค ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองภาพใหญ่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ต้องจับตาว่าในการเลือกตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ปัจจัยเหล่านี้จะยังมีผลต่อพฤติกรรมการเลือกตั้งผู้สูงวัยกลุ่มนี้ว่า จะยังคงยึดติดในคนเก่าแก่ที่คุ้นเคย หรือให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ข้อมูลการส่งผู้สมัคร ส. 50 เขต รวม 379 คน พรรคประชาธิปัตย์ 50 คน พรรคพลังประชารัฐ 50 คน พรรคเพื่อไทย 50 คน พรรคไทยสร้างไทย 50 คน พรรคก้าวไกล 49 คน พรรครวมไทยยูไนเต็ด 20 คน พรรคกล้า 14 คน พรรคประชากรไทย 10 คน พรรคอนาคตไทย 6 คน พรรคภูมิใจไทย 4 คน พรรคเสรีรวมไทย 3 คน กลุ่มรักษ์กรุงเทพ (ทีมอัศวิน) 38 คน และผู้สมัครอิสระ 35 คน อ่านข่าวอื่นๆ "สุดารัตน์" ขอโอกาสคนกรุง เชื่อมการเมืองชาติ-กทม. "สกลธี" ปลื้มสโลแกน "ทำทันธี" คนจำได้ ตอบโจทย์คน กทม. "อัศวิน" ตั้งเป้าได้ ส. 50 เขต เพิ่มเบี้ยประชุม ปธ. -เลขาฯ ชุมชน
"วิโรจน์" ลงพื้นที่ตลาดดินแดง ตอกย้ำนโยบาย "คนทุกคนเท่ากัน" ต้องสร้างรัฐสวัสดิการที่ดี เพื่อสู่การหมุนเวียนเศรษฐกิจทั้งระบบ กระตุ้นกทม. เป็นเมืองที่มีชีวิต และสร้างความปลอดภัยกับคนทุกกลุ่ม วันนี้ (16 เม. ย. 2565) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร หมายเลข 5 ของพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ตลาดดินแดงประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง พร้อมกล่าวถึงนโยบายดูแลสวัสดิการชาวกทม. โดยเฉพาะผู้สูงอายุ พ่อแม่ที่มีเด็กเล็ก และผู้พิการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างรัฐสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การเติมกำลังซื้อ และเติมกำลังการบริโภคเพื่อให้คนกล้าซื้อ เมืองที่คนกล้าซื้อ จะนำไปสู่เมืองที่คนกล้าลงทุน และทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน ทั้งหมดเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ กทม. เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา ไม่ใช่เมืองที่เน้นแต่ทัศนียภาพ และสิ่งปลูกสร้าง แต่ไร้ผู้คนและกิจกรรม ย้ำหาเสียง "คนทุกคนเท่ากัน" นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนที่มีกระแสวิจารณ์กลยุทธ์ การหาเสียงที่ไปเน้นกลุ่มประชาชนที่อาจไม่ได้มีภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ และไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นโยบายของพรรคก้าวไกลเน้นเรื่องคนทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในกทม.